สุดแปลก!! หนุ่มใหญ่ราชบุรีผลิตไข่เค็มจอมปลวกขาย

เจ้าหน้าที่วัฒนธรรมราชบุรี มีความคิดสร้างสรรค์ ทำไข่เค็มกลิ่นใบเตยพอกกับดินจอมปลวก และขี้เถ้าแกลบ ใช้กะลามะพร้าวเป็นภาชนะทำแพ็คกิ้ง ช่วยลดปัญหาสิ่งแวดล้อมแทนการบรรจุถาดโฟมใส่อาหาร สร้างแบรนด์ของตัวเองที่แปลกไม่เหมือนใคร

(คลิปในข่าว)

วันที่ 3 ก.ค.61 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า... ที่บ้านเลขที่ 103 หมู่ 5 ต.วังเย็น อ.บางแพ จ.ราชบุรี ของนายวรัชญ์ คงคาวงค์ อายุ 45 ปี เจ้าหน้าที่สำนักงานวัฒนธรรมจังหวัดราชบุรี ได้ใช้เวลาว่างให้เกิดประโยชน์ช่วงวันหยุด โดยมีการผลิตไข่เค็มสูตรพิเศษแปลกใหม่ ไม่เหมือนใคร ด้วยการนำดินจอมปลวกที่อยู่บริเวณบ้านของตนเอง มาผสมเข้ากับเกลือ และนำใบเตยหอมต้มน้ำให้เดือด เพื่อสร้างกลิ่นหอมอ่อนๆ และนำไข่เป็ดที่ไปรับซื้อจากกลุ่มเกษตรกร มาล้างให้สะอาดจนแห้ง แล้วนำไปพอกกับดินและขี้เถ้าแกลบตามอัตราส่วนที่ได้คิดค้นสูตรขึ้นมา ที่สำคัญได้เกิดไอเดียแปลกใหม่ขึ้นมา นำกะลาที่ทิ้งเกลื่อนกลาดไร้ค่า มาทำเป็นภาชนะบรรจุใส่ไข่เค็มเป็นแพ็คกิ้งดูสวนงาม มีเสน่ห์ น่ารับประทาน แทนการบรรจุถาดโฟมใส่อาหาร สร้างแบรนด์ของตัวเองที่แปลกไม่เหมือนใคร จนลูกค้าหลายคนที่ซื้อไปทานแล้ว ต้องกลับมาซื้อใหม่อีก

ทั้งนี้ นายวรัชญ์ คงคาวงค์ เจ้าหน้าที่สำนักงานวัฒนธรรมจังหวัดราชบุรี เจ้าของความคิดแปลกใหม่นี้ เปิดเผยกับผู้สื่อข่าวว่า... เพิ่งนำกะลามะพร้าวมาเป็นแพ้คกิ้งใส่ไข่เค็มส่งขายตามร้านได้ไม่ถึงเดือน ผลตอบรับดีมาก โดยส่วนผสมของการทำไข่เค็มจะมีดินจอมปลวกซึ่งมีคุณประโยชน์คือ ดินชนิดนี้จะมีความพรุนของอากาศดีสามารถพอกไข่ได้ติดดีกว่าดินทั่วไป นอกจากนี้ยังมีเกลือ ประมาณ 5 กิโลกรัม ต่ออัตราส่วนของดินประมาณ 15 กิโลกรัม นำใบเตยหอมมาใส่น้ำต้มทิ้งไว้จนเย็น แล้วนำมาใส่รวมกันพอประมาณ จากนั้นนำไข่เป็ดมาพอกดินที่เตรียมไว้ ก่อนนำมากพอกกับขี้เถ้าแกลบอีกครั้งหนึ่ง โดยไข่เป็ดที่จะนำมาทำนั้นจะเป็นไข่เป็ดสด ซึ่งได้ประกันราคารับซื้อจากเพื่อนเกษตรกรที่เลี้ยงไข่เป็ดในหมู่บ้าน แล้วนำมาขายให้ฟองละ 4 บาท เป็นการช่วยเหลือเกษตรกรในพื้นที่ให้มีรายได้อีกทางหนึ่งด้วย

ซึ่งราชบุรีเป็นแหล่งผลิตไข่เค็มมากเป็นอันดับต้นๆ แต่ผลิตภัณฑ์ที่เป็นไข่เค็มออกสู่ท้องตลาดยังไม่ค่อยเป็นที่รู้จักมากนัก ส่วนใหญ่จะเป็นสูตรดองน้ำเกลือเป็นต้น ส่วนสูตรไข่เค็มพอกดินราชบุรีน่าจะเป็นตลาดที่ดี เป็นอาหารที่นำไปฝากเป็นของที่ระลึกแก่คนรู้จักทั่วไปได้ และยังสามารถเก็บไว้ได้นานหลายวันทั้งนำไปทอดเป็นไข่ดาวหรือต้มได้ สำหรับไข่เค็มที่ออกจำหน่ายจะมี 2 แบบคือ แบบที่ต้มแล้วและยังไม่ต้มจะมีการพอกดินไว้ มีอายุกำหนดที่จะไว้ทอดไข่ดาวได้ หลังจากเลยกำหนดทอดไข่ดาวให้นำไปล้างให้สะอาดนำเข้าตู้เย็นไว้ จะทำให้ความเค็มคงที่ หากจะรับประทานไข่ดาววันไหนก็นำมาทอดรับประทานได้ทันที หรือจะนำไปต้มก็ได้ความเค็มจะไม่มากเหมือนกับไข่ดองน้ำเกลือทั่วไป

นายวรัชญ์ กล่าวอีกว่า... ส่วนบรรจุภัณฑ์ที่ใส่ไข่เค็มนั้นได้ทำกันมานานแล้วคือ กล่องกระดาษซึ่งมีราคาต้นทุนแพงใบละ 4 บาทเศษ หรือกล่องพลาสติก กล่องโฟมใส่อาหาร ก็เคยนำมาใส่ไข่เค็มขายช่วงที่ผ่านมามีต้นทุนสูง จึงมีแนวคิดที่จะสร้างสิ่งแปลกใหม่ให้กับสินค้าของตัวเองขึ้น อีกทั้งช่วยกันรณรงค์รักษ์โลกไม่สร้างมลพิษ เลยคิดว่าน่าจะหาบางอย่างเข้ามาแทนที่ จนไปเจอบ้านหลังหนึ่งเขามีอาชีพขูดมะพร้าว เห็นมีกะลามะพร้าวทิ้งเกลื่อนไหร่ประโยชน์ จึงได้ติดต่อขอรับซื้อกะลานำมาขัดผิวออกให้เรียบ ขูดล้างข้างในจนสะอาดดูสวยงาม จากนั้นเอาไข่เค็มจำนวน 5 ฟองใส่กะลาแล้วซีนด้วยพลาสติก ติดสติ้กเกอร์ พร้อมเบอร์โทรศัพท์อย่างสวยงาม ส่งขายร้านทั่วไปราคาชุดละ 35 บาท แต่หลังจากนำไปวางจำหน่ายแล้ว กลับมาลูกค้าโทรมาบอกว่าอร่อยมามีกลิ่นหอมจากเตยหอม และมีกลิ่นกะทิลอยออกมาจากไข่ดาวที่ทอด อาจจะเป็นไปได้ว่าจะมีน้ำมันมะพร้าวหลงเหลือติดอยู่ที่กะลาระเหยออกมาในเนื้อไข่เค็มผสมกับใบเตย โดยลูกค้าบอกว่าไม่เคยเห็นมาก่อน และขอให้เราช่วยขัดกะลาเรียบอีกหน่อย เพราะจะเอากะลาไว้ใส่ขนมหวานรับประทานต่อไปได้อีก ทำให้คิดว่ากะลามะพร้าวแต่ก่อนเป็นสิ่งไม่มีค่า แต่มาตอนนี้กลับไม่ใช่แล้ว และก็ยังมีคนสนใจอยากจะนำไปเป็นภาชนะใส่อย่างอื่นอีก ซึ่งไข่เค็มบรรจุกะลา ได้นำไปวางขายที่หน้าสำนักงานศึกษาธิการเขต 1 ราชบุรี ตลาดประชารัฐหน้าอำเภอบางแพ และในกลุ่มร้านค้าในสมาชิกของหมู่บ้าน ซึ่งได้ผลิตเรื่องอาหารปลอดจากสารเคมี และเพื่อสุขภาพ จำหน่ายแก่ผู้สนใจด้วย

ส่วนแรงบันดาลใจในการนำกะลาที่ไร้ค่ามาทำเป็นแพ้คกิ้งใส่ไข่เค็มนั้น คืออยากให้ประชาชนช่วยกันลดการใช้โฟม และพลาสติก ที่จะนำมาใส่เป็นบรรจุภัณฑ์ต่าง ๆ และขอให้ช่วยกันหันมาใช้วัสดุที่เหลือเพื่อช่วยกันรักษาสิ่งแวดล้อม ถ้าทุกคนช่วยกันคนละเล็กคนละน้อย มั่นใจว่าประชาชนจะห่างไกลจากโรคที่เกี่ยวข้องจากการใช้กล่องโฟมและพลาสติกได้ ทำให้ประเทศไทยสามารถลดปัญหาด้านสิ่งแวดล้อมได้ในที่สุด