ผู้ว่าฯราชบุรี สั่งสำรวจถ้ำทั้ง 10 อำเภอ เกรงเกิดเหตุซ้ำรอย


นายอำเภอเมืองราชบุรี ร่วมกับเจ้าหน้าที่ อบต.ปิดป้ายช่วงหน้าฝนห้ามเข้าเด็จขาดบริเวณหน้าถ้ำพระยาปราบ ต. เกาะพลับพลา อ.เมือง เนื่องจากมีสภาพภูมิประเทศลักษณะคล้ายกับถ้ำหลวงขุนน้ำนางนอน จ.เชียงราย หลังผู้ว่าราชการจังหวัดราชบุรี สั่งทั้ง 10 อำเภอสำรวจถ้ำด่วน หลังเกิดเหตุนักฟุตบอลติดภายในหวั่นเกิดเหตุซ้ำรอย 

(คลิปในข่าว)

วันที่ 28 มิ.ย.61 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า...  นายรณภพ เวียงสิมมา นายอำเภอเมือง  จ.ราชบุรี  ได้เดินทางไปสำรวจบริเวณหน้าถ้ำพระยาปราบ ที่หมู่ 6 ต.เกาะพลับพลา อ.เมือง จ.ราชบุรี หลังจากได้รับรายงานว่าถ้ำดังกล่าวมีสภาพภูมิประเทศลักษณะคล้ายกับถ้ำหลวงขุนน้ำนางนอน จ.เชียงราย ที่มีกลุ่มนักฟุตบอลเข้าไปติดอยู่ภายในหลายวัน ยังไม่สามารถช่วยเหลือนำออกมาได้  โดยนายชยาวุธ จันทร ผู้ว่าราชการจังหวัดได้สั่งการให้นายอำเภอทั้ง 10 อำเภอ เร่งสำรวจถ้ำที่ตั้งอยู่ในพื้นที่รับผิดชอบอย่างเร่งด่วน หวั่นเกรงจะเกิดเหตุซ้ำรอยขึ้นได้


โดยมีเจ้าหน้าที่องค์การบริหารส่วนตำบลเกาะพลับพลา พร้อมด้วย กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน  และชาวบ้าน ได้ร่วมกันจัดทำป้ายมีข้อความว่า “ฤดูฝนหรือฝนตกหนัก ห้ามเข้าถ้ำเด็ดขาด” มาติดตั้งไว้บริเวณริมถนนทางขึ้นถ้ำพระยาปราบ ซึ่งต้องเดินเท้าจากริมถนนขึ้นไปบริเวณปากถ้ำประมาณ 30 เมตร เมื่อถึงปากถ้ำจะเป็นทางลาดลงไปลักษณะค่อนข้างชัน  บริเวณปากทางเข้ามีแผงเหล็กเป็นตะแกรงขวางทางปากถ้ำไว้ เพื่อป้องกันไม่ให้ใครลงไปในถ้ำ
   
       
ทั้งนี้ นายรณภพ เวียงสิมมา นายอำเภอเมือง เปิดเผยว่า กรณีที่เป็นข่าวถ้ำหลวง ขุนน้ำนางนอนนั้น ผู้ว่าราชการจังหวัดได้สั่งการให้ทุกอำเภอสำรวจถ้ำ หรือแหล่งท่องเที่ยวที่จะเกิดอันตรายในฤดูน้ำหลากได้ ซึ่งเขตพื้นที่ อ.เมือง นั้นได้ให้กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นทุกแห่งสำรวจถ้ำ พบว่ามีถ้ำพระยาปราบ ซึ่งมีลักษณะคล้ายกับถ้ำที่เกิดเหตุที่ จ.เชียงราย ลักษณะเป็นทางเข้าเล็กแคบๆ ในถ้ำเป็นห้องโถง โดยถ้ำลักษณะนี้จะเป็นที่ชื่นชอบของนักผจญภัย ซึ่งในฤดูแล้งสามารถเข้าไปในถ้ำได้สะดวกพอสมควร  แต่หากเป็นช่วงหน้าฝนอย่างเมื่อกี้ที่เข้าไปดูบริเวณหน้าปากถ้ำนั้น มีน้ำอยู่เต็มถ้ำ ซึ่งถ้าเกิดตอนเข้าไปแล้วน้ำแห้ง และมีฝนตกหนักขึ้น อาจจะเกิดเหตุการณ์ทำนองเดียวกับที่จ.เชียงรายได้  ทาง อบต.เกาะพลับพลาจึงได้จัดทำป้ายแจ้งเตือนประชาชนและนักท่องเที่ยวทั้งฤดูฝน หรือนอกฤดูฝนที่เกิดฝนตกหนัก ห้ามเข้าโดยเด็ดขาด
             

ส่วนทางด้าน นายธวิทย์ กุศลอภิบาล อดีตรองนายกองค์การบริหารส่วนตำบลเกาะพลับพลา เปิดเผยว่า  เป็นถ้ำในสมัยโบราณมีมาอยู่คู่กับเขาพระยาปราบนานแล้ว ต่อมามีคนเข้าไปสำรวจและออกมาบอกกับชาวบ้านว่าข้างในถ้ำมีลักษณะสวยงามมาก สมัยตนเองยังเป็นเด็กๆ มีพระได้เข้าไปอยู่ในถ้ำ รวมถึงชาวต่างประเทศได้เข้าไปสำรวจพร้อมกับเก็บตัวแมงมุมที่อาศัยอยู่ในถ้ำใส่กล่องกลับไป แล้วยังบอกว่าถ้ำที่นี่สวยงามมีหินงอกหินย้อย ภายในถ้ำจะมีห้องโถง น้ำไหลผ่าน ส่วนใหญ่ที่เข้าไปจะเป็นช่วงฤดูแล้ง ส่วนที่เคยเข้าไปสำรวจล่าสุดเมื่อปี 2543 โดยจังหวัดมีโครงการให้นำเสนอแหล่งท่องเที่ยวในสมัยนั้น ซึ่งเคยได้เข้าไปสำรวจภายในถ้ำมาแล้วด้วย กว่า 10 ปีผ่านมาแล้ว  ซึ่งหากคำนวณระยะทางเข้าไปในถ้ำจากข้อมูลของเจ้าหน้าที่โยธาของ อบต.เกาะพลับพลา นั้น คาดว่ามีความยาวประมาณ 250 เมตร และจะมีห้องโถงขนาดกว้าง 50 คูณ 50 เมตร จะมีซอกซอยต่างๆให้เดินได้อีก ช่วงหน้าฝนจะไม่ค่อยมีคนเข้าไป ส่วนใหญ่จะมีผู้ใหญ่บ้านนำป้ายมาติดเตือนประชาชนในพื้นที่ไม่ให้เข้าไปด้านใน เกรงจะเกิดอันตรายได้

         
ซึ่งเคยมีการร่วมกันหลายฝ่ายสำรวจพื้นที่แล้วว่าจะนำดินโคลนด้านในถ้ำออกมา เพื่อจะพัฒนาเป็นแหล่งท่องเที่ยวแห่งใหม่ขึ้น แต่ต่อมาไม่ได้มีการสานต่อนโยบายจากจังหวัดอีกจนเงียบไป  สำหรับทางออกของถ้ำจะมีปล่องอยู่ด้านบนถ้ำจะมีอากาศถ่ายเทได้สะดวก
             
สำหรับประวัติถ้ำพระยาปราบได้มีผู้เฒ่าผู้แก่เล่าสืบต่อกันมาว่ามีพระยาคนหนึ่งแต่ไม่ทราบชื่อ นำกองกำลังมาปราบทหารพม่าอยู่ที่เขาแห่งนี้ เมื่อพม่ายกกองทัพออกไป ชาวบ้านจึงตั้งชื่อเขาลูกนี้ว่า “ เขาพระยาปราบ ” จนถึงปัจจุบัน  ต่อมาได้เคยมีการเข้าไปสำรวจพบว่าจะมีทางเข้าออกเพียงทางเดียว บริเวณปากถ้ำเป็นรูแคบต้องคลานและลอดช่องหินเข้าไปด้านในที่มีน้ำปริ่ม ๆ จมูกและคลุกโคลนตมเปียกปอน มือสองข้างต้องยื่นเข้าไปก่อนส่วนหัวเข้าทีหลังและค่อย ๆ คืบคลานเข้าไปทีละน้อย เมื่อลอดเข้าไปในถ้ำชั้นแรกจะเป็นห้องโถงใหญ่ มีหินงอกหินย้อยที่สวยงาม น้ำหยดที่ลงมาจากเขาสะสมหลายพันปี ก่อให้เกิดหินงอกหินย้อยมีรูปร่างลักษณะเป็นชั้น ๆ ลวดลายคล้ายฟันปลา เมื่อกระทบแสงไฟเกิดเป็นประกายระยิบระยับเหมือนประกายเพชร บางแห่งเคาะเป็นเสียงดังคล้ายระฆัง ยังคงอยู่เป็นธรรมชาติปราศจากการทำลายของมนุษย์ ซึ่งเส้นทางการเดินดูจะสลับซับซ้อนวกไปวนมา หากไม่ใช้เชือกผูกไว้ที่ปากถ้ำแล้วดึงเชือกลงไปด้วย ก็จะกลับออกมาไม่ถูก เนื่องจากด้านในของถ้ำเป็นพื้นที่กว้าง ตลอดเส้นทางจะมีน้ำขังสูงประมาณหัวเข่าบางแห่งลึก  ที่สำคัญคนที่เข้าไปสำรวจถ้ำจะต้องมีไฟฉายพกติดตัวไปด้วย ด้านในยังมีฝูงค้างคาวเกาะอาศัยอยู่บนผนังถ้ำ และยังพบรากไทรที่เลื้อยคลานมาตามซอกหิน ย้อยลงมาจากผนังถ้ำเป็นสายมองดูเป็นศิลปะที่สวยงาม






/////////////////////////////////////////

ภาพ/ข่าว : #ทีมข่าวสมาคมสื่อมวลชนราชบุรี

ติดตามข่าวสารในจังหวัดราชบุรีได้ที่ : https://www.facebook.com/groups/1872087123081525/

/////////////////////////////////////////////////////////////






































ผู้ว่าฯราชบุรี สั่งสำรวจถ้ำทั้ง 10 อำเภอ เกรงเกิดเหตุซ้ำรอย ผู้ว่าฯราชบุรี สั่งสำรวจถ้ำทั้ง 10 อำเภอ เกรงเกิดเหตุซ้ำรอย Reviewed by ไชโยราชบุรี on มิถุนายน 28, 2561 Rating: 5

ขับเคลื่อนโดย Blogger.