นายอำเภอเมืองราชบุรี ร่วมกับเจ้าหน้าที่ อบต.ปิดป้ายช่วงหน้าฝนห้ามเข้าเด็จขาดบริเวณหน้าถ้ำพระยาปราบ ต. เกาะพลับพลา อ.เมือง เนื่องจากมีสภาพภูมิประเทศลักษณะคล้ายกับถ้ำหลวงขุนน้ำนางนอน จ.เชียงราย หลังผู้ว่าราชการจังหวัดราชบุรี สั่งทั้ง 10 อำเภอสำรวจถ้ำด่วน หลังเกิดเหตุนักฟุตบอลติดภายในหวั่นเกิดเหตุซ้ำรอย
(คลิปในข่าว)
โดยมีเจ้าหน้าที่องค์การบริหารส่วนตำบลเกาะพลับพลา พร้อมด้วย กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน และชาวบ้าน ได้ร่วมกันจัดทำป้ายมีข้อความว่า “ฤดูฝนหรือฝนตกหนัก ห้ามเข้าถ้ำเด็ดขาด” มาติดตั้งไว้บริเวณริมถนนทางขึ้นถ้ำพระยาปราบ ซึ่งต้องเดินเท้าจากริมถนนขึ้นไปบริเวณปากถ้ำประมาณ 30 เมตร เมื่อถึงปากถ้ำจะเป็นทางลาดลงไปลักษณะค่อนข้างชัน บริเวณปากทางเข้ามีแผงเหล็กเป็นตะแกรงขวางทางปากถ้ำไว้ เพื่อป้องกันไม่ให้ใครลงไปในถ้ำ
ทั้งนี้ นายรณภพ เวียงสิมมา นายอำเภอเมือง เปิดเผยว่า กรณีที่เป็นข่าวถ้ำหลวง ขุนน้ำนางนอนนั้น ผู้ว่าราชการจังหวัดได้สั่งการให้ทุกอำเภอสำรวจถ้ำ หรือแหล่งท่องเที่ยวที่จะเกิดอันตรายในฤดูน้ำหลากได้ ซึ่งเขตพื้นที่ อ.เมือง นั้นได้ให้กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นทุกแห่งสำรวจถ้ำ พบว่ามีถ้ำพระยาปราบ ซึ่งมีลักษณะคล้ายกับถ้ำที่เกิดเหตุที่ จ.เชียงราย ลักษณะเป็นทางเข้าเล็กแคบๆ ในถ้ำเป็นห้องโถง โดยถ้ำลักษณะนี้จะเป็นที่ชื่นชอบของนักผจญภัย ซึ่งในฤดูแล้งสามารถเข้าไปในถ้ำได้สะดวกพอสมควร แต่หากเป็นช่วงหน้าฝนอย่างเมื่อกี้ที่เข้าไปดูบริเวณหน้าปากถ้ำนั้น มีน้ำอยู่เต็มถ้ำ ซึ่งถ้าเกิดตอนเข้าไปแล้วน้ำแห้ง และมีฝนตกหนักขึ้น อาจจะเกิดเหตุการณ์ทำนองเดียวกับที่จ.เชียงรายได้ ทาง อบต.เกาะพลับพลาจึงได้จัดทำป้ายแจ้งเตือนประชาชนและนักท่องเที่ยวทั้งฤดูฝน หรือนอกฤดูฝนที่เกิดฝนตกหนัก ห้ามเข้าโดยเด็ดขาด
ซึ่งเคยมีการร่วมกันหลายฝ่ายสำรวจพื้นที่แล้วว่าจะนำดินโคลนด้านในถ้ำออกมา เพื่อจะพัฒนาเป็นแหล่งท่องเที่ยวแห่งใหม่ขึ้น แต่ต่อมาไม่ได้มีการสานต่อนโยบายจากจังหวัดอีกจนเงียบไป สำหรับทางออกของถ้ำจะมีปล่องอยู่ด้านบนถ้ำจะมีอากาศถ่ายเทได้สะดวก
สำหรับประวัติถ้ำพระยาปราบได้มีผู้เฒ่าผู้แก่เล่าสืบต่อกันมาว่ามีพระยาคนหนึ่งแต่ไม่ทราบชื่อ นำกองกำลังมาปราบทหารพม่าอยู่ที่เขาแห่งนี้ เมื่อพม่ายกกองทัพออกไป ชาวบ้านจึงตั้งชื่อเขาลูกนี้ว่า “ เขาพระยาปราบ ” จนถึงปัจจุบัน ต่อมาได้เคยมีการเข้าไปสำรวจพบว่าจะมีทางเข้าออกเพียงทางเดียว บริเวณปากถ้ำเป็นรูแคบต้องคลานและลอดช่องหินเข้าไปด้านในที่มีน้ำปริ่ม ๆ จมูกและคลุกโคลนตมเปียกปอน มือสองข้างต้องยื่นเข้าไปก่อนส่วนหัวเข้าทีหลังและค่อย ๆ คืบคลานเข้าไปทีละน้อย เมื่อลอดเข้าไปในถ้ำชั้นแรกจะเป็นห้องโถงใหญ่ มีหินงอกหินย้อยที่สวยงาม น้ำหยดที่ลงมาจากเขาสะสมหลายพันปี ก่อให้เกิดหินงอกหินย้อยมีรูปร่างลักษณะเป็นชั้น ๆ ลวดลายคล้ายฟันปลา เมื่อกระทบแสงไฟเกิดเป็นประกายระยิบระยับเหมือนประกายเพชร บางแห่งเคาะเป็นเสียงดังคล้ายระฆัง ยังคงอยู่เป็นธรรมชาติปราศจากการทำลายของมนุษย์ ซึ่งเส้นทางการเดินดูจะสลับซับซ้อนวกไปวนมา หากไม่ใช้เชือกผูกไว้ที่ปากถ้ำแล้วดึงเชือกลงไปด้วย ก็จะกลับออกมาไม่ถูก เนื่องจากด้านในของถ้ำเป็นพื้นที่กว้าง ตลอดเส้นทางจะมีน้ำขังสูงประมาณหัวเข่าบางแห่งลึก ที่สำคัญคนที่เข้าไปสำรวจถ้ำจะต้องมีไฟฉายพกติดตัวไปด้วย ด้านในยังมีฝูงค้างคาวเกาะอาศัยอยู่บนผนังถ้ำ และยังพบรากไทรที่เลื้อยคลานมาตามซอกหิน ย้อยลงมาจากผนังถ้ำเป็นสายมองดูเป็นศิลปะที่สวยงาม
/////////////////////////////////////////
ภาพ/ข่าว : #ทีมข่าวสมาคมสื่อมวลชนราชบุรี
ติดตามข่าวสารในจังหวัดราชบุรีได้ที่ : https://www.facebook.com/groups/1872087123081525/
/////////////////////////////////////////////////////////////
ผู้ว่าฯราชบุรี สั่งสำรวจถ้ำทั้ง 10 อำเภอ เกรงเกิดเหตุซ้ำรอย
Reviewed by ไชโยราชบุรี
on
มิถุนายน 28, 2561
Rating: