วันนี้ 18 มิ.ย.61
นายวิสาห์ พูลศิริรัตน์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดราชบุรี ได้ร่วมพูดคุยกับผู้ประกอบการฟาร์มหมูในภาคตะวันตกซึ่งประกอบด้วย จ.ราชบุรี นครปฐม สุพรรณบุรี และกาญจนบุรี ที่มารวมตัวกันที่โรงแรมโกลเด้นท์ ต.โคกหม้อ อ.เมือง จ.ราชบุรี เพื่อหาวิธีในการแก้ปัญหาราคาหมูที่ตกต่ำอยู่ในขณะนี้ โดยมีหัวข้อว่า “ เปิดอก ถกประเด็น อยู่หรือไป สุกรไทยในภาคตะวันตก “ หลังผู้ประกอบการฟาร์มหมูได้รับผลกระทบจากปัญหาราคาหมูที่ถูกซึ่งขายที่หน้าฟาร์มกิโลกรัมละ 53 บาท ทั้งที่ต้นทุนของหมูนั้นอยู่ที่ประมาณกิโลกรัมละ 60 – 63 บาท ทำให้ผู้ประกอบการฟาร์มหมูนั้นต้องแบกรับภาระการขาดทุนมาเกือบ 1 ปี วันนี้จึงได้มารวมตัวกันเพื่อหาทางออกร่วมกัน โดยการรวมตัวกันและให้เสนอแนวคิดในการดำเนินการ
(คลิปในข่าว)
โดย
นายนิพัฒน์ เนื้อนิ่ม นายกสมาคมผู้เลี้ยงสุกร จ.ราชบุรี และเป็นอุปนายกสมาคมผู้เลี้ยงสุกรแห่งชาติ เปิดเผยว่า.. วันนี้ได้เชิญกลุ่มผู้เลี้ยงสุกรในภาคตะวันตก มาพูดคุยกันถึงสถานการณ์ราคาหมูตกต่ำหลังผ่านมาประมาณ 10 เดือนและไม่มีทีท่าว่าจะขึ้น เนื่องจากเหตุผลที่ว่ามันมีการสะสมในพื้นที่และโยกย้ายหมูออกไปที่อื่น ทำให้ราคาในพื้นที่ภาคตะวันตกมีราคาตกต่ำที่สุดในประเทศไทย ซึ่งราคาหน้าฟาร์มอยู่ที่ 53 บาท ซึ่งกรมปศุสัตว์ได้ประเมินราคาไว้ที่ 63 บาท ต่อหมู 1 ตัว 100 กิโล ราคา 5300-5400 บาท แต่ต้นทุนอยู่ที่ 6300 บาท ซึ่งขาดทุนถึง 900-1000 บาท ซึ่งเป็นในลักษณะนี้ประมาณ 7-8 เดือนแล้วนี่คือปัญหาที่รุมเล้ามาเรื่อย ๆ ซึ่งค่า GDP ของจังหวัดราชบุรี หายไปประมาณ หมื่นล้านบาท เพราะจังหวัดราชบุรี นครปฐม สุพรรณบุรี กาญจนบุรี เลี้ยงหมู ถึง 25% ของทั้งประเทศ จากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเป็นสาเหตุที่เราต้องทำการเชิญมาร่วมพูดคุยกันเพื่อหาวิธี และรวมตัวกันประกาศราคาหมูให้ชัดเจนมากยิ่งขึ้น ก่อนหน้าที่จะมีการประชุมในวันนี้ทางเราได้มีการประชุมย่อยกับทางกรมปศุสัตว์มาหลายครั้งในช่วง 2 เดือนที่ผ่านมา โดยมีเนื้อหาเกี่ยวกับนโยบายแผนการผลิต แผนการตลาด ของประเทศไทยในภาวะที่มี สัพพลาย ล้นตลาด โดยมติที่ประชุมลงความเห็นว่าจะขอความร่วมมือทุกภาคส่วนให้ช่วยดันราคาไปถึง 63 บาท ภายใน 4 เดือนนี้เพื่อลดภาระของเกษตรกรรายใหญ่ รายกลาง และรายย่อย ในส่วนของภาคอุตสาหกรรมคงไม่น่าเป็นห่วง ซึ่งหลังจากดันขึ้นไปถึง 63 บาทแล้วค่อยลงมาดูปริมาณ ซัพพลายในพื้นที่ว่าเหลือมากน้อยเพียงใดถึงจะประเมินสถานการณ์แล้วค่อยประกาศราคาอีกครั้งหนึ่ง
ที่ผ่านมาทางผู้ว่าราชการจังหวัดราชบุรี ก็ได้พยายามหารือเพื่อหาทางแก้ไขซึ่งได้เชิญไปคุยที่กรมการค้าภายในกระทรวงพาณิช มีการเปิดตลาดประชารัฐในแต่ละอำเภอ แต่ในเบื้องต้นในนามของสมาคม ไม่อยากให้กลุ่มเกษตรกรรายย่อย รายกลางหายไป ซึ่งแต่เดิมแล้วจังหวัดราชบุรีเคยมีผู้เลี้ยงสุกรตั้งแต่ปี 55-56 มากถึง 1900 ราย แต่ในวันนี้น่าจะเหลือประมาณ 1100 -1200 รายและส่วนที่ลดลงไปเป็นเกษตรกรรายย่อย และรายกลางทั้งสิ้น
/////////////////////////////////////////
/////////////////////////////////////////////////////////////