นอภ.บ้านคา ประสานปตท. 11 แห่ง ช่วยเกษตรกรผู้ปลูกสับปะรด

นายอำเภอบ้านคา จ.ราชบุรี เดินสายได้ประสานปั๊มน้ำมัน ปตท. ริมถนนเพชรเกษมและถนนสายพระราม 2 รวม 11 แห่ง เพื่อเตรียมนำสับปะรดผลสดและสินค้าแปรรูปจากสับปะรดมาวางจำหน่าย เพื่อเป็นการช่วยเหลือเกษตรกรหลังราคาตกต่ำล้นตลาด

วันนี้ 12 มิ.ย.61 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายภคพัส ส่งวัฒนายุทธ นายอำเภอบ้านคา จ.ราชบุรี เปิดเผยหลังมีการเดินทางไปประสานกันปั้มน้ำมัน ปตท. ถึงการช่วยเหลือนำผลผลิตสับปะรดของเกษตรกรไปจำหน่ายภายในปั๊มน้ำมันว่า วันนี้ได้ไปประสานขอความอนุเคราะห์สถานที่สำหรับให้เกษตรกรไปจำหน่ายสับปะรดผลสดและสินค้าแปรรูปจากสับปะรดภายในปั้มน้ำมัน ปตท.บริเวณถนนเพชรเกษม และถนนพระรามที่ 2 จำนวน 11 แห่ง ในพื้นที่จังหวัดนครปฐม ราชบุรี สมุทรสงคราม และเพชรบุรี เพื่อช่วยเหลือเกษตรกรนำผลผลิตสับปะรดผลสดและแปรรูปมาจำหน่ายที่ได้รับความอนุเคราะห์จากปั้นน้ำมัน ปตท.โดยไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายค่าสถานที่ ซึ่งเป็นอีกช่องทางหนึ่งที่จะช่วยระบายสับปะรดที่ผลผลิตออกมากในช่วงนี้

ทั้งนี้นายภคพัส ส่งวัฒนายุทธ นายอำเภอบ้านคา กล่าวต่อว่า การเจรจากับผู้ประกอบการเป็นทั้งของบริษัทใหญ่ และของดีลเลอร์ ทุกแห่งให้ความอนุเคราะห์ร่วมมือเป็นอย่างดี พร้อมให้ทางอำเภอนำเกษตรกรไปจำหน่ายสับปะรดได้ บางแห่งถึงกับเตรียมจัดสถานที่ไว้ให้ด้วย บางแห่งให้ทางอำเภอช่วยจัดหาเต๊นท์ โต๊ะ เก้าอี้ไปวางจำหน่ายได้ทันที โดยวันพรุ่งนี้จะเชิญเกษตรกรผู้ปลูกสับปะรดที่มีความสนใจทั้งเกษตรกรที่ปลูกสับปะรดผลสดและแปรรูปให้ทราบทุกช่องทาง จะมีการจัดประชุมที่ห้องประชุมอำเภอบ้านคา ช่วงบ่ายวันพรุ่งนี้ เพื่อหารือแนวทางในการจัดสรรแบ่งพื้นที่การขายแต่ละปั๊มควรมีเกษตรกรขายสับปะรดกี่รายเป็นต้น สำหรับด้านราคาน่าจะให้สูงกว่าราคาส่งทั่วไป ราคาส่งพ่อค้า แม่ค้าคนกลาง อย่างตอนนี้สับปะรดแปลงใหญ่ไม่น่าเป็นห่วง เนื่องจากมีการขายกันอยู่ในราคาประมาณ 9-10 บาท แต่สับปะรดผลสด ที่เกษตรกรทั่วไปยังขายส่งแม่ค้าคนกลางอยู่ที่ราคากิโลกรัมละ 5 -7 บาท แล้วแต่คุณภาพของผลผลิต เช่น ผลสวยใหญ่ เล็ก รสชาติดี มีเนื้อ 1 และเนื้อ 2 และถ้าหากไปขายตรงปั๊มนั้นน่าจะได้ราคาที่ดีกว่า บางแห่งอาจจะมีการปอกให้เห็นเนื้อสับปะรดที่อยู่ข้างในโชว์ลูกค้าหรือนักท่องเที่ยวที่สนใจ หรืออาจจะปอกใส่ถุงจำหน่ายก็จะทำให้ได้ราคาขึ้น ส่วนที่สินค้าสับปะรดที่เกษตรกรได้แปรรูปหลากหลายนั้นก็นำไปตั้งวางจำหน่ายได้เลย

สำหรับพื้นที่ปลูกสับปะรดในพื้นที่ อ.บ้านคานั้น ที่มาขึ้นทะเบียนกับทางหน่วยงานประมาณ 6 หมื่นไร่ แต่ข้อเท็จจริงที่มีบางรายไปเช่าที่ ส.ป.ก. และที่ไม่มีเอกสารสิทธิ์รวมแล้วไม่น่าจะต่ำกว่า 8 หมื่นไร่ เฉพาะพื้นที่ อ.บ้านคา ส่วนที่ อ.สวนผึ้ง มีพื้นที่ปลูกไม่ต่ำกว่า 1 หมื่นไร่ ของอ.ปากท่อ ก็ไม่ต่ำกว่า 1 หมื่นไร่ รวมพื้นที่การปลูกสับปะรดทั้งจังหวัดประมาณ 1 แสนไร่ ถือมากเป็นอันดับ 2 ของประเทศรองลงมาจาก จ.ประจวบคีรีขันธ์ ที่สำคัญพื้นที่ปลูกสับปะรดของ อ.บ้านคาได้รับการขึ้นทะเบียนสิ่งบ่งชี้ทางภูมิศาสตร์ หรือ GI มีรสชาติหวาน หอม มีเอกลักษณ์เฉพาะคือกินแล้วไม่กัดลิ้น ซึ่งคาดว่าจะสามารถแก้ไขปัญหา และช่วยเหลือระบายสับปะรดของเกษตรกรในพื้นที่ได้ไม่น้อย