6 หน่วยงาน ร่วมจัดงานโครงการบูรณาการอัยการสหวิชาชีพและชุมชน

วันที่ 1ก.ย.61 ที่วัดขนอน อ.โพธาราม จ.ราชบุรี นายวิสาห์ พูลศิริรัตน์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดราชบุรี เป็นประธานเปิดโครงการบูรณาการอัยการสหวิชาชีพและชุมชน ร่วมขจัดความรุนแรงต่อผู้หญิงและเด็ก และป้องกันการถูกล่อลวงและการค้ามนุษย์ โดยมี นางสาวชญานี เลียบทวี อัยการจังหวดผู้ช่วย สำนักงานอัยการจังหวัดราชบุรี เป็นผู้กล่าวรายงานวัตถุประสงค์ของการจัดดครงการดังกล่าว

ทั้งนี้สืบเนื่องจาก แนวโน้มปัญหาความรุนแรงต่อเด็กและสตรี ยังคงเกิดขึ้นและนับวันจะทวีความรุนแรงขึ้น ทั้งที่รัฐบาลได้ตระหนักถึงปัญหาและหาแนวทางแก้ไขมาโดยตลอดโดยเฉพาะอย่างยิ่งมีการบัญญัติกฎหมาย และมาตรการทางกฎหมายมาบังคับใช้ แต่ก็ยังมิได้ผลเท่าที่ควร ทั้งนี้เนื่องจากการให้ความช่วยเหลือเด็กและสตรีที่ถูกกระทำความรุนแรง เป็นเรื่องละเอียดอ่อน ซับซ้อน ผู้ปฏิบัติยังขาดความรู้ ความเข้าใจ ในกระบวนการและกลไก ทั้งในด้านสวัสดิการสังคม จิตวิทยาการแพทย์ และการบังคับใช้กฎหมายที่เกี่ยวข้อง ตลอดจนยังขาดการประสานความร่วมมือระหว่างภาครัฐและคนในชุมชน

พนักงานอัยการ นอกจากจะมีบทบาทหน้าที่ในการดำเนินคดีแล้ว ยังมีบทบาทหน้าที่ในกระบวนการคุ้มครองเด็ก สตรี ผู้ถูกกระทำความรุนแรงในครอบครัวร่วมกับหน่วยงาน ที่ทำงานขับเคลื่อนโดยอาศัยกลไกและมาตรการทางกฎหมาย ตลอดจนมีหน้าที่ประนอมข้อพิพาทเผยแพร่ความรู้ ให้คำแนะนำทางกฎหมายแก่ประชาชน ด้วยสำนักงานอัยการจังหวัดราชบุรีสำนักงานอัยการคดีศาลแขวงราชบุรี สำนักงานอัยการคดีเยาวชนและครอบครัวจังหวัดราชบุรี และสำนักงานอัยการคุ้มครองสิทธิ์และช่วยเหลือทางกฎหมายและการบังคับคดีจังหวัดราชบุรี และองค์การบริหารส่วนจังหวัดราชบุรีตำรวจภูธรจังหวัดราชบุรี โรงพยาบาลราชบุรี สำนักงานพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์จังหวัดราชบุรี และบ้านพักเด็กและครอบครัวจังหวัดราชบุรี เล็งเห็นความสำคัญของปัญหาดังกล่าว จึงจัดโครงการบูรณาการอัยการสหวิชาชีพและชุมชน ร่วมขจัดความรุนแรงต่อผู้หญิงและเด็ก และป้องกันการถูกล่อลวงและการค้ามนุษย์ขึ้น

โดยเพื่อให้การสนับสนุนสหวิชาชีพในการนำมาตรการทางกฎหมายมาตรการคุ้มครองตามกฎหมายมาใช้บังคับและป้องกันปรึกษาหาแนวทางการแก้ปัญหาความรุนแรงที่เกิดขึ้นกับเด็กและสตรีในพื้นที่เป้าหมาย และประสานส่งต่อความช่วยเหลือระหว่างกัน ตามอำนาจหน้าที่ โดยจะดำเนินการนำร่องในเขตพื้นที่อำเภอโพธาราม โดยมีพนักงานอัยการสหวิชาชีพผู้นำท้องถิ่นผู้แทนโรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบล ผู้แทนสถานที่ศึกษา ผู้แทนสถานีตำรวจ เครือข่ายสตรี ผู้นำคนพิการและแกนนำเครือข่ายต่างๆ รวม 260 คน เข้าร่วมโครงการระยะเวลา 1 วัน ในรูปแบบการอบรมบรรยายเสวนา และมีฐานเรียนรู้จำนวน 4 ฐาน ได้แก่ อย่าทำร้ายฉัน ช่วยด้วยฉันไม่อยากไป อุ่นใจฉันช่วยได้ และฉันพึ่งได้อย่างมีความสุข

อย่างไรก็ดีการจัดกิจกรรมโครงการดังกล่าว มุ่งเน้นว่าจะสามารถพัฒนาระบบการรับแจ้งเหตุการณ์ คัดกรองการเฝ้าระวังเด็กครอบครัวกลุ่มเสี่ยงหรือชุมชนการช่วยเหลือคุ้มครองเบื้องต้นและการประสานงานส่งต่อผู้ที่ถูกกระทำด้วยความรุนแรง โดยใช้สหวิชาชีพดำเนินการช่วยเหลือคุ้มครองต่อไปได้ด้วยศักยภาพของพื้นที่เป้าหมาย อย่างเป็นรูปธรรม ตลอดจนมีเครือข่ายการทำงานร่วมกันระหว่างหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในพื้นที่ โดยมีการบูรณาการ ทั้งด้านการทำงานองค์ความรู้เฉพาะด้าน และทรัพยากรร่วมกัน ที่สามารถป้องกันและแก้ไขปัญหาเด็กสตรีและบุคคลในครอบครัว ที่ถูกกระทำด้วยความรุนแรง ในชุมชนเบื้องต้นได้ และสามารถพัฒนาระบบการประสานงานและการบังคับใช้กฎหมายที่เกี่ยวข้องในการทำงาน ช่วยเหลือเด็กสตรีและบุคคลในครอบครัวที่ถูกกระทำความรุนแรงได้ โดยมีพนักงานอัยการเป็นหลัก ในการบังคับใช้กฎหมาย จนสามารถมีต้นแบบระบบงาน คุ้มครองผู้หญิงและเด็กในระดับตำบลอำเภอ จังหวัด เพื่อให้หน่วยงานและผู้ปฏิบัติงาน ที่เกี่ยวข้องกับการคุ้มครองผู้หญิงและเด็ก นำไปเป็นแนวทางในการปฏิบัติงานต่อไป