ทนายความพาสาวชี้จุดที่เกิดเหตุทั้งโรงแรม รีสอร์ท ที่เกิดเหตุ ทั้งบริเวณถนนสายบายพาสเลี่ยงเมือง และรีสอร์ทในอ.ปากท่อ จ.ราชบุรี ด้านทนายความขอให้เจ้าหน้าที่ตำรวจเร่งรัดดำเนินคดีกับนายตำรวจคนดังกล่าวโดยเร็ว
( 5 มิย. 61) ความคืบหน้ากรณีนายรณรงค์ แก้วเพ็ชร์ ทนายความได้นำนางสาว เอ (นามสมมุติ ชื่อจริงคือนางสาวสุตารัตน์ ปุณณศรี ) อาย 46 ปี หญิงสาวชาวจังหวัดนครนายก ที่ถูกร.ต.อ.สนธยา เย็นใจ พนักงานสอบสวนสภ.ปากท่อ จ.ราชบุรี พยายามบังคับขืนใจ และทำร้ายร่างกาย มาสอบถามความคืบหน้าของคดีที่ได้มีการแจ้งความไว้ตั้งแต่วันที่ 28 พ.ค.61 ที่ผ่านมา สภ.เมืองราชบุรี จากนั้นช่วงบ่ายได้นำนางสาวเอ ไปชี้จุดที่โรงแรมแห่งหนึ่งริมถนนสายบายพาสเลี่ยงเมืองราชบุรี ทั้งด้านในบริเวณโรงแรมเพื่อดูกล้องวงจรปิด และบริเวณริมถนนซึ่งได้พาไปชี้จุด
โดยนางสาวเอเล่าว่า ขณะที่ตนเองอยู่ในรถนั้น ได้มีตำรวจนายดังกล่าวมาทุบรถเพื่อเรียกตนเอง พอเปิดกระจกลงนายตำรวจได้ใช้มือสะบัดไปที่แก้มข้างขวา พร้อมกับบอกให้ตนเองขยับไปนั่งทางด้านซ้ายของรถ จากนั้นได้ขึ้นรถขับพาตนเองไปที่อุดมสุขรีสอร์ทแถวอำเภอปากท่อ เมื่อไปถึงบ้านพัก นายตำรวจได้เดินขึ้นไปที่ห้องพร้อมกับดึงมือตนเองให้เข้าไปในห้องด้วยกัน ทั้งที่ไม่อยากจะเข้าไป โดยอยู่ในห้องด้วยกันประมาณกว่า 2 ชั่วโมง ต่อมานายตำรวจคนดังกล่าวรู้สึกหิวกระหายน้ำจึงได้เดินเข้าหยิบน้ำ ตนจึงฉวยโอกาสหนีออกมาจากห้อง โดยรีบขับรถยนต์ออกไปทันที และได้ไปขอความช่วยเหลือที่ปั้มน้ำมันแต่ก็ไม่ได้รับความช่วยเหลือ ตนจึงโทรศัพท์หาเพื่อนที่อยู่ปั๊มแก๊สที่อยู่ถัดไปเพื่อขอความช่วยเหลือและได้ขับรถไปหา โดยเพื่อนได้โทรศัพท์ไปแจ้งเจ้าหน้าที่มูลนิธิให้มารับตนเองไปโรงพยาบาลเพื่อรักษาอาการที่ได้รับบาดเจ็บจากการถูกทำร้ายมา
นายรณรงค์ แก้วเพ็ชร์ ทนายความ เปิดเผยหลังจากพานางสาวเอมาชี้จุดที่เกิดเหตุว่า พอได้มาดูพยานหลักฐานในที่เกิดเหตุแล้วก็ยังไม่สมบูรณ์เท่าไหร่นัก และอยากเห็นภาพวงจรปิดในจุดที่มีการทำร้ายร่างกายกัน อยากเห็นมากที่สุด ซึ่งตอนนี้ได้ประสานร้อยเวรให้มาเก็บหลักฐานให้มากที่สุด ส่วนภาพวงจรปิดในรีสอร์ทแห่งที่ 2 นั้น ไม่สามารถเห็นได้ แต่มีพยานบุคคลที่เห็นว่ามาที่นี่ เพียงพอต่อสำนวน นอกจากนี้ยังมีคนที่พาคนเจ็บส่งโรงพยาบาลด้วย
ส่วนการยื่นเงินให้มาจำนวน3 แสนบาทนั้น ตนเองก็ไม่ทราบ ซึ่งตั้งแต่เกิดเรื่องไม่มีการติดต่อกัน จึงไม่รู้ว่าจะมีการยื่นข้อเสนอให้ได้อย่างไร และการมาประจำอยู่ที่กองกำกับตำรวจภูธร จ.ราชบุรี แต่ได้กลับไปทำงานที่ สภ.ปากท่อ ทั้งที่มีคำสั่งให้ขาดจากหน้าที่เดิม สร้างความไม่ปลอดภัยให้กับตัวนางสาวเอ ในส่วนตรงนี้ทางตำรวจต้องปรับปรุงเพิ่ม และในส่วนของพยานเราไม่มีพยานที่เห็นตอนต่อยกัน แต่มีพยานทางการแพทย์รับรองตอนนี้มีแต่เพียงคำพูดปากเปล่า ถ้ามีเป็นลายลักษณ์ว่าปลดแล้ว มีการคุ้มครองพยานอย่างแน่นหนา และสรุปสำนวนในข้อหาอุกฉกรรจ์ให้อัยการแล้วถึงจะพึงพอใจ
/////////////////////////////////////////
ภาพ/ข่าว : #ทีมข่าวสมาคมสื่อมวลชนราชบุรี
ติดตามข่าวสารในจังหวัดราชบุรีได้ที่ :
https://www.facebook.com/groups/1872087123081525/
หรือที่นี้ :
https://www.facebook.com/groups/1881043855509766/?ref=bookmarks
/////////////////////////////////////////////////////////////