ครูมะลิวรรณ.... แจ้งดำเนินคดี แฟนเพจ"อยากดังเดี๋ยวจัดให้" ส่วนผู้ปกครองเด็กถูกทำร้ายในคลิป เข้ากราบขอขมาครูมะลิวรรณ

จากกรณีที่เฟซบุ๊กแฟนเพจ อยากดังเดี๋ยวจัดให้ v.4 ได้โพสต์คลิป จำนวน 2 คลิป ได้แก่ คลิปเด็กผู้หญิงคนหนึ่งถูกเด็กผู้ชายทำร้ายร่างกาย และคลิปคำให้การของเด็กผู้หญิง ซึ่งเป็นคลิปเก่าที่ถูกเผยแพร่ในโลกโซเชียลตั้งแต่ปีที่ผ่านมา พร้อมกับโพสต์ข้อความพาดพิงถึงครูคนหนึ่งว่าเป็นผู้ถ่ายคลิปดังกล่าว และระบุที่เกิดเหตุว่าอยู่โรงเรียนวัดเขาแจง ต.เขาขลุง อ.บ้านโป่ง จ.ราชบุรี โดยทาง พ.ต.อ.ณรงค์เดชศ์ ศักดิ์สมบูรณ์ รอง ผบก.ภ.จว.ราชบุรี รรท.ผกก.สภ.บ้านโป่ง ให้เจ้าหน้าที่ IO สภ.บ้านโป่ง ลงพื้นที่ โรงเรียนวัดเขาแจง ต.เขาขลุง อ.บ้านโป่ง จ.ราชบุรี เพื่อสำรวจข้อมูลกรณี แฟนเพจ"อยากดังเดี๋ยวจัดให้ v.4" ลงคลิปวีดีโอ เด็กทะเลาะวิวาทกัน ซึ่งผลจากการลงสำรวจพบว่า สภาพโรงเรียนไม่ตรงตามที่ลงในคลิป และครูที่ถูกกล่าวถึง จากการสอบถามชาวบ้าน และลูกศิษย์ต่างยืนยันว่า ครูเป็นคนดี ไม่มีพฤติกรรมตามที่ถูกกล่าวหาอย่างแน่นอน ซึ่งเวลาต่อมา เมื่อช่วงกลางดึกของคืนวันที่ 12 พ.ค. 2560 คุณครูมะลิวรรณ จ้อยเจริญ ผู้ถูกพาดพิงได้เดินทางมาแจ้งความที่ สภ.บ้านโป่ง เพื่อดำเนินคดีต่อผู้เกี่ยวข้อง

ทั้งนี้ความคืบหน้าล่าสุด ด.ญ.เอ (นามสมมติ) เด็ก ป.4 พร้อมด้วยพ่อ แม่ และน้าสาว ได้เดินทางมาเข้าพบพนักงานสอบสวนที่ สภ.บ้านโป่ง และคุณครูมะลิวรรณ เพื่อขอขมาจากความเข้าใจผิด โดยทั้ง 2 ฝ่ายได้พูดคุยปรับความเข้าใจกัน ซึ่งทางฝ่ายของคุณครูก็ไม่ได้ติดใจเอาความต่อลูกศิษย์ และพ่อแม่เด็ก โดยทาง พ.ต.อ.ณรงค์เดชศ์ ศักดิ์สมบูรณ์ รอง ผบก.ภ.จว.ราชบุรี รรท.ผกก.สภ.บ้านโป่ง ให้เจ้าหน้าที่ IO สภ.บ้านโป่ง ลงพื้นที่ โรงเรียนวัดเขาแจง ต.เขาขลุง อ.บ้านโป่ง จ.ราชบุรีสำรวจข้อมูลกรณี เพจลงคลิปวีดีโอ เด็กทะเลาะวิวาทกัน ซึ่งผลจากการลงสำรวจพบว่า สภาพโรงเรียนไม่ตรงตามที่ลงในคลิปและครูที่ถูกกล่าวถึง จากการสอบถามชาวบ้าน

ด้านแม่ของ ด.ญ.เอ กล่าวว่า คลิปดังกล่าว ตนได้รับมาจากเพื่อนที่ทำงานด้วยกัน เนื่องจากสังเกตว่าคล้ายกับลูกสาวของตน จากนั้นจึงส่งคลิปต่อไปให้น้องสาวที่ จ.สุรินทร์ แล้วให้สอบถาม ด.ญ.เอ ว่าใช่เป็นเด็กที่อยู่ในคลิปหรือไม่ ซึ่งได้รับคำตอบว่าเป็นผู้ที่อยู่ในคลิป ซึ่งต่อมาหลังเรื่องดังกล่าวได้ถูกโพสต์เฟซบุ๊ก อยากดังเดี๋ยวจัดให้ v.4 จึงเกิดเรื่องราวใหญ่โต จนสุดท้ายเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.บ้านโป่ง ได้ส่งรูปถ่ายหลังอาคารโรงเรียนวัดเขาแจงมาให้ดู ก็พบว่าไม่ใช่อย่างในคลิป ตนพร้อมสามีจึงได้รีบเดินทางจาก จ.ชลบุรี ไปหาลูกสาวที่ จ.สุรินทร์ โดยทันที เพื่อนำลูกสาวมากราบขอขมาคุณครูมะลิวรรณ ซึ่งเรื่องดังกล่าวทำให้ทางครอบครัวรู้สึกผิด และเสียใจเป็นอย่างมาก เพราะเมื่อครั้งที่ ด.ญ.เอ ย้ายมาเรียนที่นี่ คุณครูมะลิวรรณ ก็เป็นผู้ดูแลให้ความช่วยเหลือมาตลอด

ทั้งนี้ในส่วนของครูมะลิวรรณ เปิดใจว่า หลังตกเป็นจำเลยของสังคมด้วยความเข้าใจผิด จากการนำเสนอข่าวที่ไม่ได้ผ่านการตรวจสอบอย่างละเอียดของเพจดัง ตนเอง และครอบครัวต้องได้รับความอับอายจากคำดูหมิ่นให้ร้ายจากบุคคลอื่น ถึงกับกินไม่ได้นอนไม่หลับ ได้แต่ครุ่นคิดว่าทำไมคนในสังคมโซเชียลจึงขาดการวิเคราะห์ และตรวจสอบหาข้อเท็จจริง คิดจะลงอะไรก็ลงขาดการรับผิดชอบกับสิ่งที่เกิดขึ้นทั้งก่อนและหลังเกิดเรื่อง ที่สำคัญความรับผิดชอบต่อผู้ที่ถูกกล่าวหาเป็นจำเลยของสังคมโดยที่เขาไม่มีความผิดนั้น จะสามารถชดเชยแก้ไขได้อย่างไร นอกจากคำว่า “ขอโทษ” เท่านั้น

โดย ครูมะลิวรรณ กล่าวว่า...  สำหรับด้านคดีความ ครูมะลิวรรณ จะดำเนินการเอาผิดต่อผู้ที่นำคลิป ชื่อนามสกุล และรูปภาพของตนมาเผยแพร่ ตาม พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ เพื่อไม่ให้เกิดเหตุการณ์แบบนี้ได้อีกกับบุคคลอื่น และขอให้ในโลกโซเชียลก่อนจะโฟสต์จะแชร์จะเชื่อ ขอให้มีการวิเคราะห์ และตรวจสอบหาข้อเท็จจริงให้ดีเสียก่อน เพราะจะมีผมเสียมากกว่าได้ ส่วนในเรื่องทางดำเนินการเอาผิดต่อผู้ที่นำคลิป ชื่อนามสกุล และรูปภาพของตนมาเผยแพร่ จะให้ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจดำเนินตามกฏหมาย พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ ต่อไป