หลานกำนันดัง หวั่นไม่ปลอดภัยหลังมีมือดีตระเวนถ่ายภาพทั้งหมู่บ้าน

วันที่ 11 มี.ค.62 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในโลกโซเชี่ยลได้แชร์เฟสบุ๊คชื่อ อรพรรณ พลับอิน โดยได้โพสตรูปและข้อความว่า "ตามหาบุคคนในภาพเข้ามาถ่ายรูปในพื้นที่ส่วนบุคคนบ้านอยู่ก่างจากเสาไฟฟ้าเลี้ยวเข้ามา50-100เมตร 1.มาถ่ายรูปทำไมไม่แจ้งเจ้าของบ้าน 2.ทำไมรถต้อวถอดป้ายทะเบียนออกถ้ามาจากหน่วยงานราชการจริง 3.เข้าแต่ละจุดแจ้งไม่เหมือนกันสักจุดบอกมาจากกรมโยธาไปอีกที่บอกมาจากบริษัท 4.แจ้งชาวบ้านว่าบอกผู้ใหญ่บ้านแล้วพอถามผู้ใหญ่บ้านเขาบอกไม่รู้เรื่องอะไร 5.ถ้าคุณเป็นหน่วยงานราชการจำเป็นต้องโพกหน้าโพกตามิดชิดถอดป้ายทะเบียนออกด้วยเหรอ ป.ล อยากรู้ว่าที่เข้ามาถ่ายเพื่ออะไรจุดประสงค์อะไรเป็นนกต่อหรือป่าวก็ไม่รู้"

หลังจากที่โพสข้อความลงในเฟสบุ๊คก็มีหลายคนซึ่งเป็นเพื่อนในเฟสบุ๊ต และเป็นคนอยู่ในหมู่บ้านเดียวกัน ได้เข้ามาคอมเม้นกันเป็นจำนวนมากว่า ก็โดนมาถ่ายเหมือนกัน ซึ่งละคนก็ได้เล่าว่ามีคนขับรถมาจอดหน้าบ้าน หรือบริเวณหน้าบ้าน ทำตัวลับๆล่อๆ แล้วถ่ายภาพบริเวณหน้าบ้านเหมือนกัน โดยบางคนเห็นผู้ที่มาถ่ายภาพใช้จักรยานยนต์บ้าง รถยนต์เก๋งบ้าง และบางวันก็ใช้รถกระบะบ้าง  ซึ่งเป็นที่หน้าสงสัยแก่ชาวบ้านทั้งหมู่บ้าน และได้สอบถามไปยังผู้นำชุมชนทั้งนายก อบต.  กำนัน  ผู้ใหญ่บ้าน หลายๆ ก็ได้รับคำตอบว่าไม่ได้สั่งให้ใครมาถ่ายภาพของชาวบ้าน ทำให้ชาวบ้านทั้งหมู่บ้าน ม. 2 และหมู่บ้านใกล้เคียง เริ่มหวาดกลัว ในความไม่ปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สิน

ต่อมา นางอรพรรณ  พลับอิน  อายุ 35 ปี  เลขที่ 59 ม.2 ต.บ้านบึง อ.บ้านคา จ.ราชบุรี  เจ้าของร้านพลับอินการเกษตร  ได้เดินทางมายัง สภ.บ้านคา เพื่อแจ้งความร้องทุกข์ลงบันทึกประจำวันไว้เป็นหลักฐาน  ซึ่งมี ร.ต.อ.สมมาศ  พึ่งเจาะ พนักงานสอบสวน สภ.บ้านคา เป็นผู้รับเรื่องดังกล่าวไว้

ทั้งนี้ นางอรพรรณ  เปิดเผยว่า วันนั้นเป็นวันที่ 7 มี.ค. แต่มันเป็นช่วงที่คนงานกำลังจะเลิกพอดี คนงานก็กำลังจะกลับบ้าน มันก็มีคนขับรถจักรยานยนต์เข้ามาเป็นผู้หญิง 2 คน และมีเด็กนั่งหน้ารถมา 1 คน ที่แรกเราก็ไม่ได้คิดอะไร คิดว่าจะเป็นคนงาน เพราะลักษณะแต่งตัวคล้ายคนงาน แต่ที่ผิดสังเกตุคือ ขับรถเข้ามาแล้วกลับหันรถออกมือก็ถือโทรศัพท์ใช้กล้องมือถือถ่ายรูปบริเวณรอบบ้าน พอตนเองเห็นก็เลยให้คนงานขับตามไป แต่ก็ตามไม่ทัน เพราะเขาเลี้ยงเข้าซอยนู้นซอยนี้ ซึ่งทางเราก็สงสัยจึงไปถามผู้ใหญ่บ้านเพราะคิดว่าทางผู้ใหญ่บ้านให้มาถ่ายหรือป่าว แต่ก็ได้รับคำตอบว่าไม่ใช่ ก็เลยมาเปิดกล้องวงจรปิดดู ปรากฏว่าต้องสงสัยคือทำไมต้องถอดป้ายแผ่นทะเบียนออก เราก็เลยกังวลในเรื่องของความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สิน เพราะว่าเราไม่รู้เจตนาเขามาถ่ายรูปเพื่ออะไร ถ่ายไปทำไม ถ้าเขามีเจตนาดีเขาคงเปิดเผยตัวตน นี้เขาถอดแผ่นป้ายทะเบียนออก

นางอรพรรณ  ยังกล่าวอีกว่า หลังจากที่ตนเองมีการโฟสต์เฟสบุ๊คไป เพื่อที่จะถามคนแถวนี้ว่าเป็นใครหรือเป็นญาติพี่น้องใคร กับมีคนเข้ามาคอมเม้นหลายคนว่า เขาก็โดนเหมือนกัน ซึ่งจะเป็นลักษณะเปลี่ยนรถมาถ่ายรูป ไม่ใช่รถคันเดิมแต่จะมีการเปลี่ยนรถมาถ่าย เช่นรถจักรยารยนต์ รถเก๋ง รถกระบะบ้าง ซึ่งในหมู่บ้านโดนหลายบ้านมาก และแต่ละที่ที่มีการเข้าไปถ่ายเขาจะแจ้งกับเจ้าของบ้านไม่เหมือนกัน เช่นบอกว่าเป็นพนักงานของบริษัท เป็นพนักงานของกรมโยธา และอีกหมู่บ้านหนึ่ง เขาบอกว่าเขาแจ้งผู้ใหญ่บ้านแล้ว แต่ผู้ใหญ่บ้านกับบอกไม่รู้เรื่อง ซึ่งตนเองมีความรู้สึกกังวล และหวาดกลัว เพราะไม่รู้เจตนาของคนมาถ่ายว่าถ่ายเพื่ออะไร กังวลในความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สิน ซึ่งถ้าพูดถึงเรื่องการเมือง ตนเองก็ไม่ได้อยู่ฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง หรือเป็นหัวคะแนนเสียงให้ใคร และอยากให้ตำรวจ หรือหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เข้ามาตรวจสอบให้ชาวบ้านเข้าใจ ว่าคนที่มาถ่ายรูปตามหมู่บ้าน เป็นใครมาจากหน่วยงานไหน เพราะถ้าเขามีความบริสูจน์ใจ เขาจะต้องเปิดเผยหน้าตา ไม่ใช่ปิดบังหน้าตา ถอดทะเบียนรถ และเปลี่ยนรถ มาถ่ายรูปตามบ้านของคนในหมู่บ้านโดยไม่รู้ว่าถ่ายไปทำไม ถ่ายไปให้ใคร หรือถ่ายไปให้หน่วยงานไหน

อย่างไรก็ตามทางชาวบ้านที่ทราบข่าวและถูกถ่ายภาพ ต่างก็จะเดินทางมาร้องทุกข์ลงบันทึกประจำวันไว้เป็นหลักฐาน  ซึ่งชาวบ้านแต่ละคนที่ถูกบุคคลลึกลับเข้ามาถ่ายภาพรู้สึกหวาดกลัว และเกรงว่าจะไม่ปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สิน  และช่วงนี้เป็นช่วงของการเลือกตั้งเกรงว่าจะถูกโยงเข้าไปเกี่ยวข้อง จึงอยากให้ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรีบเร่งติดตามบุคคลลึกลับดังกล่าวมาสอบสวนหาความจริงให้โดยเร็ว เพื่อชาวบ้านจะได้หมดความกังวลใจ จะได้รู้สึกปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สิน ซึ่งทางเจ้าหน้าที่ตำรวจก็ได้รับเรื่องและรายงานให้ผู้บังคับบัญชาทราบ และส่งเรื่องให้กับฝ่ายสืบสวนลงพื้นที่ตรวจดูภาพในกล้องวงจรปิดที่บันทึกภาพไว้  จะได้ติดตามตัวมาสอบสวนต่อไป